เริ่มต้นพัฒนาด้วยการศึกษา เสริมความก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี

Categories: 

การศึกษาถือเป็นรากฐานของการพัฒนาชีวิต ความนี้เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไป สำหรับผู้เรียน ผู้มีความบกพร่องทางการเห็นหรือผู้เรียนตาบอดแล้ว ความดังได้กล่าวมานี้ มีความหมายนัยสำคัญที่มากกว่านั้น เพราะหมายถึงโอกาส ทั้งในด้านการประกอบสัมมาอาชีพ ที่จะได้พึ่งพาตนเอง และอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุขและอิสระ ทว่า กว่าจะบรรลุความสำเร็จดังกล่าวมานี้ ผู้เรียนต้องผ่านกระบวนการจัดการศึกษามาอย่างหลากหลายลักษณะ หลายรูปแบบ อาทิ ขั้นแรกต้องจากบ้านไปไกลเพื่อจะได้รับการศึกษา ด้วยว่า โรงเรียนเฉพาะทางนั้นมีจำกัดภูมิภาคละไม่กี่แห่งเท่านั้น เมื่อเข้าสู่โรงเรียนต้องฝึกช่วยเหลือดูแลตัวเองด้วยวิชาการสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและความเคลื่อนไหว

 

เหล่านี้กระทำควบคู่ขนานกันไปกับการให้การศึกษาวิชาทั่วไปเหมือนผู้เรียนที่สายตาปกติ พอเริ่มอ่านออกเขียนได้ มีทักษะพื้นฐานในการช่วยเหลือตนเองบ้าง ก็จะถูกส่งไปเพื่อเรียนรวมกับคนอื่น ๆ ที่มีสายตาปกติ เมื่อเรียนไปจนจบการศึกษาภาคบังคับ คือ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้เรียนจะต้องเลือกเส้นทางที่จะศึกษาเรียนรู้ของตนเอง จะศึกษาต่อในสายสามัญ หรือวิชาชีพ หากแต่ ในระดับการศึกษาภาคบังคับระดับชั้นประถมศึกษานี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ

เพราะรากฐานของการศึกษาต่อคือการฝึกฝน ให้อ่านออกเขียนได้ และมีทักษะทางเทคโนโลยีที่ดีมีคุณภาพ เพื่อเตรียมพร้อม รองรับการศึกษาต่อ

ในระดับชั้นที่สูงขึ้นไปให้กับผู้เรียน

 

ท่านผู้อ่านครับ ผมเป็นครูตาบอดที่สอนอยู่ในโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดแม่สาย ภายใต้มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ สถานศึกษาแห่งนี้ ได้มีการจัดการเรียนการสอนเฉกเช่นสถานศึกษาอื่นทั่วไป แต่ที่แตกต่างนั้น คือการพัฒนาการเรียน เขียน อ่านอักษรเบรลล์ ซึ่งความแตกต่างหลากหลายของผู้เรียนก็นับเป็นตัวแปรสำคัญ บ้างเรียนรู้ได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น บ้างเรียนรู้ได้ต้องขยายระยะเวลาออกไป นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อายุของผู้เรียนโดยเฉลี่ยมักไม่ตรงเกณฑ์

 

อุปสรรคของการเขียนอ่านอักษรเบรลล์นั้น คือ การรู้จำเข้าใจจุด หมายถึงว่า อักษรเบรลล์แต่ละตัวนั้นจะมีรหัสประจำ เช่น ก 1,2,4,5 ข 1,3 เป็นต้น เมื่อท่องได้จำได้แล้วก็ต้องมาฝึกฝนลงจุดในการเขียนให้ถูกต้องอีก บรรทัดหนึ่งหนึ่ง ก็เขียนได้มากที่สุด 28 ตัวนี่จึงเป็นอุปสรรคอยู่ไม่น้อย การพัฒนาผู้เรียนที่มีความตาบอดจะต้องใช้เวลา และความวิริยะอุตสาหะทั้งจากตัวผู้เรียนและผู้สอนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นกิจกรรมที่ผู้เรียนจะต้องทำประจำก็คือการฝึกเรียน เขียน และอ่านอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ยังต้องฝึกฝนพิมพ์ดีดคอมพิวเตอร์ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ให้ได้คล่อง เพื่อจะได้ใช้คอมพิวเตอร์ใน การทำงานต่าง ๆ ได้ ผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนให้พิมพ์คอมพิวเตอร์ให้ได้ภายในระดับชั้นประถมศึกษาและจำเป็นจะต้อง จำแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้ทั้งหมด เมื่อผู้เรียนมีทักษะดังได้กล่าวมาข้างต้นนี้ครบถ้วนแล้ว จึงจะได้ส่งออกศึกษาต่อในโรงเรียนเรียนรวมต่อไป

 

ผู้เรียนตาบอดในยุคศตวรรษที่ 21 ศตวรรษแห่งความท้าทาย โลกในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ จึงควรเป็นผู้ใช้งานเทคโนโลยีได้ดี คล่อง และแก้ไขปัญหาพื้นฐานด้วยตนเองได้ ทว่า ในบริบทของความเป็นจริงแล้ว ถือเป็นเรื่องท้าทายต่อกระบวนการจัดการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะแค่เรียน เขียน อ่านอักษรเบรลล์พร้อมทักษะวิชาการพื้นฐานในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ก็ต้องใช้ระยะเวลาแล้ว เมื่อมีเทคโนโลยีเพิ่มเข้ามาอีก การจะทำให้ผู้เรียนมีทักษะได้ครบถ้วนทั้งหมดนั้นจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทาย และผมเองในฐานะผู้สอนก็ได้ตระหนักและระลึกถึงความสำคัญจำเป็นนี้เป็นอย่างดี และมุ่งที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนได้มีทักษะครบถ้วนบริบูรณ์ให้ได้มากที่สุด

 

ท้ายนี้ผมเห็นว่า โอกาสที่ดี ที่สุดสำหรับผู้เรียนตาบอด คือโอกาสที่จะได้รับการศึกษา และเสริมความก้าวหน้าด้วย ทักษะทางเทคโนโลยี

 

นายวิทวัส พรมโชติ

ครู โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดแม่สาย

Tags: